สิ่งที่คุณแม่ทุกคนควรรู้จากไวรัสโรต้า

เรื่องที่คุณแม่ไม่เคยรู้ - ไวรัสโรต้าสายพันธุ์มนุษย์

★ ไวรัสโรต้าที่ก่อโรคในมนุษย์ คือ 

เชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงอย่างรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก ส่วนใหญ่มักเกิดกับเด็กวัย 6 เดือน ถึง 2 ขวบ แต่ทารกในช่วงเดือนแรกๆ ก็มีโอกาสติดเชื้อนี้เช่นกัน ซึ่งทำให้มีอาการหนักกว่าเด็กโต และ มีโอกาสที่ต้องนอนโรงพยาบาลสูง

★ ไวรัสโรต้าติดต่อกันได้อย่างไร

ไวรัสโรต้านั้นติดต่อกันได้ง่ายจากที่เราสัมผัส และเชื้อมีขนาดเล็กมากมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าโดยอาจปนเปื้อนอยู่ที่สิ่งของ เมื่อเด็กจับแล้วเอามือเข้าปากก็สามารถรับเชื้อได้ เชื้อตัวนี้ค่อนข้างทน มีชีวิตอยู่ได้นานหลายวัน แม้การรักษาความสะอาดจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้า แต่ก็จะช่วยลดการแพร่เชื้อได้

★ อาการ 3 อย่างที่สังเกตุได้เมื่อลูกติดเชื้อไวรัสโรต้า

    ☆ ท้องร่วงอย่างรุนแรงและถ่ายเป็นน้ำ อาจมากถึง 7-8 ครั้งต่อวัน

    ☆ มีไข้ อาจสูงถึง 39 องศาเซลเซียส

    ☆ อาเจียน อาจมากถึง 7-8 ครั้งต่อวัน เด็กบางคนอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียได้มากกว่า 20 ครั้งใน 24 ชั่วโมง

★ ต้องดูแลเด็กที่ติดเชื้อไวรัสโรต้าอย่างไร ★

    ☆ หากลูกมีอาการท้องร่วงและอาเจียนมาก จะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำแลเกลือแร่ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันที

   ☆ หากเกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง อาจต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือด โดยเด็กที่ติดเชื้ออาจต้องใช้เวลารักษาในโรงพยาบาล 2-5 วัน ทารกและเด็กเล็กอาจใช้เวลานานกว่า

★ วิธีการปกป้องลูกน้อยจากไวรัสโรต้า ★

การป้องกันด้วยวัคซีนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากลดความรุนแรงของโรค และ ลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้

★ ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกันไวรัสโรต้าแตั้งแต่ลูกอายุ 2 เดือน ★

★ ปัจจุบันการผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโรต้ามี 2 ประเภท ★

    ☆ ผลิตจากเชื้อที่ก่อโรคในวัว + มนุษย์ผสมกัน

    ☆ ผลิตจากเชื้อที่ก่อโรคเฉพาะในมนุษย์ หรือ วัคซีนโรต้าสายพันธุ์มนุษย์

วัคซีนโรต้าสายพันธุ์มนุษย์ เป็นวัคซีนที่เลียนแบบการกระตุ้นภูมิเหมือนการติดเชื้อตามธรรมชาติของมนุษย์ สามารถป้องกันสายพันธุ์หลักที่พบได้บ่อยในประเทศไทยและยังสามารถป้องกันข้ามสายพันธ์ุไปยังเชื้อไวรัสโรต้าสายพันธ์ุอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ G2, G3, G4, G8, G9, G12 ฯลฯ

*** สนับสนุนข้อมูลวิชาการโดย ศ.นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา